Cart

The cart is empty

แนวทางปฏิบัติเมื่อเป็นสิวอุดตัน

User Rating: 0 / 5

Star InactiveStar InactiveStar InactiveStar InactiveStar Inactive
 

แนวทางปฏิบัติเมื่อเป็นสิวอุดตัน

สิวอุดตัน

     สิวอุดตัน สิวเสี้ยน เกิดจากการ อุดตันของระบบต่อมไขมันที่รูขุมขน โดยต่อมไขมันทำหน้าที่ผลิตไขมันมาหล่อเลี้ยงผิว เมื่อเกิดการระคายเคืองของรูขุมขนจึงทำให้ไขมันออกมาไม่ได้ เกิดเป็นก้อนไขมันอุดตัน (comedone) อยู่ในรูขุมขน สังเกตเห็นเป็นตุ่มนูนเล็กๆ สิวอุดตันแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ

1. สิวหัวขาว หรือสิวหัวปิด - ก้อนไขมันอุดตันอยู่ใต้ผิว ยังไม่ได้สัมผัสอากาศ จึงมองเห็นเป็นสีขาว

2. สิวหัวดำ หรือสิวหัวเปิด - เซลล์ผิวหนังที่ตายและก้อนไขมันอุดตันส่วนบนโผล่พ้นผิว สัมผัสอากาศแล้วกลายเป็นสีดำ

     แนวทางการปฏิบัติเมื่อเป็นสิวอุดตัน คือ การสลายก้อนไขมันที่อุดตัน และป้องกันการอุดตันไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำอีกนั่นเอง

     ยาหลักที่ใช้ในการละลายสิวอุดตัน คือ Vitamin A Acid (VA) หรือหากมีสิวอักเสบร่วมด้วย ควรใช้ Benzoyl peroxide (BP) แต่ไม่ควรใช้ทั้ง VA และ BP พร้อมกัน

     ทั้งเบนซอย เปอออกไซด์ (Benzoyl peroxide) และไวตามินเอ แอซิด (Vitamin A acid) เป็นสาร เคมีสังเคราะห์ที่ใช้ในการแก้ปัญหา และป้องกันการเกิดสิวที่เห็นผลชัดเจน แต่มีข้อควรระวังดังนี้

1. น้ำ 

ทั้ง BP และ VA ห้ามทาบนผิวหนังที่เปียกชื้น ต้องรอให้แห้งก่อน เพื่อป้องกันการระคายเคืองมากเกินไป เพราะผิวที่เปียกชื้นจะทำให้ตัวยาซึมผ่านผิวมากผิดปกติ

2. แดด

ทั้ง BP และ VA ที่ติดบนผิว เมื่อกระทบแสง UV  สามารถก่อปฏิกิริยากระตุ้นผิว  (มีรายงานถึงอัตราการเกิดมะเร็งผิวหนังเพิ่มขึ้นในกลุ่มที่ทาครีมนี้แล้วถูกแสงแดด)

ไม่ควรทาครีม Vitamin A acid ทิ้งไว้ตอนกลางวันเพราะอาจเกิดปฏิกิริยากับแสง ก่ออาการแพ้ต่อผิวได้

3. ค่อยๆ เพิ่มเวลาทา

– BP และ VA ก่อเกิดการระคายเคืองต่อผิวได้ง่าย ต้องบริหารการทาโดยทาครั้งละน้อย(เวลา) ล้างออก แล้วค่อยเพิ่มเวลาวันต่อวันจน กระทั่งสามารถทาทิ้งไว้ตลอดคืนได้ในที่สุด อัตราที่แนะนำคือ ทาเพิ่มวันละ 5 นาที

4. อาการข้างเคียง

– BP และ VA เกิดการระคายเคืองต่อผิวได้ง่าย การระคายเคืองคือ แสบ แดง ลอกเป็นขุย  ไม่ใช่อาการ แพ้ยา แต่เป็นผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้จากการใช้ยา หากไม่แน่ใจให้ทดสอบโดยแตะครีมที่ติ่งหูหรือท้องแขนทิ้งไว้ 15 นาที

5. ข้อแนะนำอื่นๆ

– BP และ VA ไม่ควรทาทับกัน เพราะจะหักล้างฤทธิ์กันเอง

– BP และ VA ดีกับคนผิวมัน ส่วนผิวแห้งจะไวมากโดยเฉพาะผู้ที่หน้าแห้ง ระยะเริ่มแรกใช้จึงควรทาเพียง 515 นาที ก่อนล้างหน้าเช้า เป็นเวลา 14 วัน หลังจากนี้ค่อยเพิ่มเวลาขึ้นจนสามารถทาก่อนนอนได้

– VA ระยะ 2 – 3 สัปดาห์แรก ผิวที่หมดอายุชั้นบนจะหลุดออกทำให้รู้สึกผิวบางและแห้ง ควรหลีกเลี่ยงการระคายเคืองต่อผิว เช่น การขัดถูเช็ดหน้า งดใช้สบู่ยา กรดอ่อน หรือสบู่ ที่ชะล้างไขมันออกมากเกินไป บางรายอาจเกิดผื่นขึ้น  หรือผิวลอก สิวเห่อ  2 – 6 สัปดาห์แรก

– VA ควรหลีกเลี่ยงไม่ให้ผิวบริเวณที่ทาถูกแสงแดดนาน ๆ เพราะอาจเกิดอาการไหม้ดำได้ ถ้าจำเป็นต้องถูกแสงแดดควรทาครีมกันแสงที่มี SPF 15 ขึ้นไปก่อนออกแดด

– VA ไม่ควรทา บริเวณสิวตุ่มแดง หรือหัวหนองเพราะจะทำให้อักเสบหายช้า (ได้ผลดีเฉพาะสิวเสี้ยน  สิวอุดตัน) การทาครีม Vitamin A acid เป็นประจำเป็นการป้องกันการเกิดสิว

ควรใช้ครีม VA ชนิดทาเท่านั้น เนื่องจาก VA ชนิดกินมีอันตราย  ไม่ควรใช้ ยกเว้นภาวะวิกฤติ  จึงต้องให้แพทย์สั่งเท่านั้น กินแล้วเสี่ยงกับการที่เด็กคลอดออกมาพิการ เพราะยากระจายไปทั่วร่างกายและติดตัวไปอีกนาน

 

แนวทางปฏิบัติเมื่อเป็นสิวอุดตัน

 

 1. การล้างหน้า - 2 ครั้ง วัน  

     นอกจากจำนวนครั้งในการล้างหน้าแต่ละวันแล้ว จุดประสงค์ของการล้างหน้าและการเลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวก็มีความสำคัญเช่นกัน

     การล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิว วันละ ครั้ง เช้า – เย็น ก็เพียงพอเพื่อหลีกเลี่ยงการรบกวนผิวหน้า เนื่องจากสิวไม่ได้เกิดจากสิ่งสกปรกจากภายนอกเข้าไปอุดตันรูขุมขน ดังนั้นการล้างหน้าไม่สามารถป้องกันหรือรักษาสิวได้ มีแต่จะสร้างปัญหาให้มากขึ้น เพราะยิ่งฟอกก็ยิ่งแสบ คัน ก่อระคายเคือง นอกจากนี้ยังอาจก่อให้เกิดสิวเทียม  (เกิดจากการหนาตัวบริเวณปากรูขุมขน  เป็นตุ่มนูนคล้ายสิว เนื่องจากผิวระคายเคือง แก้ไขด้วยการหยุดล้างหน้า เหลือวันละครั้งเดียว ซับหน้าด้วยกระดาษซับหน้ามัน สิวเทียมจะยุบได้เอง                     

     การล้างหน้ามีจุดประสงค์หลัก เพื่อล้างสิ่งสกปรกออก ซึ่งสิ่งสกปรกก็มีตั้งแต่เหงื่อ ไขมันที่หลั่งออกมาจากต่อมไขมัน เชื้อโรคบนผิวทั้งเชื้อแบคทีเรีย เชื้อยีสต์ต่างๆ รวมทั้งสิ่งสกปรกจากภายนอก ซึ่งมีอยู่มากมายและเพิ่มขึ้นทุกๆ วัน โดยเฉพาะมลภาวะ ฝุ่นละออง เขม่ารถยนต์ ควันเสีย ละอองน้ำมัน รวมทั้งสารเคมีต่างๆ 

     ประเด็นสำคัญคือ ผิวคนเราโดยเฉพาะผิวหน้า นอกจากจะมีต่อมไขมันอยู่มากมายแล้วยังมีขนาดค่อนข้างใหญ่ด้วย จึงขับไขมันออกมาเคลือบหล่อเลี้ยงผิว และไขมันที่ขับออกมาเคลือบผิวเหล่านี้เป็นเสมือนกาวที่คอยดักจับสิ่งสกปรกไว้ได้เป็นอย่างดี  ดังนั้นถ้าเราจะล้างสิ่งสกปรกซึ่งมีความมัน ถ้าใช้น้ำเปล่าล้างหน้า น้ำก็จะไม่สามารถล้างออกได้ จึงจำเป็น ต้องใช้ตัวช่วยเพื่อให้ล้างคราบมันออกได้ดี คือ เจลล้างหน้า หรือคลีนเซอร์ (Cleanser)

     ผิวของคนเราโดยทั่วไป ตามปกติจะมีสภาพเป็นกรดอ่อน คือ pH ประมาณ ถ้าเราใช้สบู่ทำความสะอาดผิว เมื่อล้างเสร็จผิวก็จะมีสภาพเป็นด่าง แต่ธรรมชาติของผิวจะต้องปรับมาอยู่ที pH5 ดังนั้นหลังทำความสะอาดประมาณครึ่งหรือหนึ่งชั่วโมง ผิวก็จะกลับมาเป็นกรดอ่อนเหมือนเดิม ซึ่งหากใช้สบู่บ่อยๆ ผิวเราจะต้องคอยปรับ pH ของเราอยู่ตลอดเวลา นานๆ เข้าผิวก็เหนื่อย ความสามารถในการกลับสู่สภาพการเป็นกรดเหมือนเดิมก็จะลดน้อยลง ผิวก็จะทนต่อสบู่ได้น้อยลงตามไปด้วย และในที่สุดผิวก็อ่อนแอ คุณสมบัติต่างๆ ของผิวหนังในอันที่จะปกป้องผิวก็จะลดลง เกิดการแพ้และระคายเคืองได้ง่าย 

     ดังนั้นตัวผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่มีค่า pH ใกล้เคียงผิวหนังปกติ จะมีคุณสมบัติของการลดแรงตึงผิวน้อย มีความสามารถในการกำจัดสิ่งสกปรกต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน ไขมัน มลภาวะต่างๆ บนผิว แต่จะต้องทำลายผิวน้อยที่สุด) 

     ไรฟา15 เป็นเจลล้างหน้าที่ผลิตขึ้นเพื่อหวังผลการชำระล้าง ที่ไม่ก่อระคายเคือง ไม่กระตุ้นให้เกิดการอุดตันใหม่  มีสภาพเป็นกลาง นอกจากมีมอยเจอร์ไรเซอร์เติมความชุ่มชื้นแก่ผิวแล้ว ยังเพิ่มสารบำรุงที่มีประโยชน์ต่อผิว สิ่งจำเป็นสำหรับผิวเข้าไว้ด้วย จึงเหมาะกับผิวหน้าทุกสภาพปัญหา ไม่ว่า สิว ฝ้า ถนอมผิว ผิวแห้ง ผิวปกติ หรือผิวมัน (หลอดสีเขียวเหมาะกับผิวปกติถึงผิวมันในวัยรุ่น หลอดสีชมพูเหมาะกับผิวปกติผิวแห้งหรือผิวผสมผิวที่มันมากจึงจะแนะนำให้ใช้ ไรฟา15 โฟม อย่าใช้สบู่ยา หรือโฟมที่มีฟองมากเกินไป เพราะจะฆ่าเชื้อจุลินทรีย์พื้นฐานปกติ  ทำให้เชื้ออักเสบดื้อยาเจริญแพร่หลายได้

     การล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าจะดี และเหมาะมากกับคนที่มีผิวแห้ง ไม่แต่งหน้า ไม่ได้มีการทาครีมรองพื้น หรือแป้งผสมรองพื้น

 

2. อย่าขัดถู เช็ดหน้าแรง   =  ซับหน้า

     การขัดถูหรือการเช็ดหน้าแรงๆ เป็นการกระตุ้นให้เกิดการอุดตัน และรบกวนผิวหน้า สำหรับผู้ที่มีสิวอักเสบอาจทำให้หัวสิวแตก อักเสบลุกลาม เกิดรอยแผลเป็นตามมา ดังนั้นควรเปลี่ยนจากการเช็ดหน้า เป็นการซับหน้า หลังล้างหน้า โดยใช้ผ้าขนหนูนุ่มๆ ซับผิวหน้าเบาๆ หลังการล้างหน้าทุกครั้งถึงแม้ว่าสิวจะหายแล้วก็ตาม  (เป็นสุขบัญญัติที่สมควรฝึกให้เป็นนิสัยติดตัวตลอดไป)

 

3. เลี่ยงแดด (สิวเห่อ)  

     สิวที่อักเสบหากถูกแดดจัด ร้อนจัดจะอักเสบ เห่อแดง บวม เพิ่มขึ้น แสงแดดกระตุ้นให้เกิดการอุดตัน ความชื้น เหงื่อออกมากเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดสิวเมืองร้อน  มักเกิดในคนที่เป็นสิวง่าย การถูกแดดช่วงทาครีมแก้สิว เช่น Vitamin A acid (VA), Benzoyl Peroxide (BP)  ยังอาจก่อปฏิกิริยาแพ้ได้ง่ายอีกด้วย

 

4. เลี่ยงหน้ามัน (สิวเกิดง่าย)

     ผู้ที่ผิวหน้ามันจะมีต่อมไขมันจำนวนมาก  มีการผลิตไขมันมากกว่าปกติ การอุดตันจึงเกิดขึ้นได้ง่าย ผู้ที่ผิวหน้ามันจะมีเชื้อ แบคทีเรีย ชนิด P.acne อาศัยอยู่เป็นจำนวนมากกว่าคนผิวหน้าแห้ง เชื้อเหล่านี้จะสร้างกรดออกมาทำให้เกิดการระคายเคือง กระตุ้นให้มีการอุดตันของต่อมไขมัน 

     หากมีผิวหน้ามัน ควรป้องกันการอุดตันซึ่งเป็นต้นเหตุของการเกิดสิวอุดตันอันเป็นที่มาของสิวอักเสบ  ด้วยสารลดการทำงานของต่อมไขมัน (Nerrish AL / MMC Oil Control Gel) มีสารลดการทำงานของต่อมไขมัน ป้องกันการเกิดอุดตันใหม่ แต่ไม่สามารถขจัดอุดตันที่เกิดขึ้นแล้ว เพียงแต่ลดการสร้างไขมัน ลดความรุนแรงของอุดตัน ลดความมันของผิว อย่างไรก็ดี ไม่ควรใช้ N.AL / MMC Oil Control Gel ควบคู่กับ Vitamin A Acid)

 

 5. ทำให้สิวอุดตันหลวมก่อนกดสิว  

     ด้วยการทา Vitamin A Acid (VA) บางๆ ทั่วหน้าก่อนนอน ยกเว้นจุดอักเสบเป็นหนอง เน้นที่จุดดำตุ่มขาวที่อุดตัน  หากเป็นช่วงแรกๆ ที่เป็นสิวและยังมีคอมิโดนอุดตันอยู่มาก  จะนำมาทาก่อนล้างหน้าก็ได้  แต่หากจะทาทิ้งไว้ก็ต้องมั่นใจว่าเลี่ยงแดดได้  คือ  อยู่เฉพาะในร่ม

     หลังจากใช้ VA แล้ว จะช่วยละลายการอุดตัน ทำให้หัวสิวหลวมตัว กดออกง่ายขึ้น อย่างไรก็ดี ยา VA อาจก่อให้เกิดอาการข้างเคียง เช่น ผิวแสบ แดง ลอกเป็นขุย 

     การใช้ครีมทาสิวที่มีส่วนผสมของ Tea Tree Oil (Accin A) หรือ สารสกัดจากเปลือกมังคุด (Accin C) ที่มีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบของสิว สลายอุดตัน และลดการเกิดรอยแผลเป็นจากสิว จึงอาจเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง แต่อาจเห็นผลช้าและน้อยกว่าการใช้ยา

 

 6. กดสิว 

     หลังจากทายาเพื่อสลาย comedone แล้ว ก็มาถึงขั้นตอน ขจัดอุดตัน  ก็คือ กดสิว   

     การกดสิวเป็นบริการฟรีของศูนย์บริการผลิตภัณฑ์หมอมวลชน คือ ประกอบการใช้ผลิตภัณฑ์ โดยควรกดหลังใช้ผลิตภัณฑ์แล้ว 7 วัน ให้อุดตันหลวม  หลุดออกมาง่าย

     สำหรับผู้ที่ต้องการกดสิวเอง สามารถทำได้โดยใช้ที่กดสิวของหมอมวลชน ก่อนใช้ควรทำความสะอาดผิวหน้า รวมทั้งฆ่าเชื้อที่กดสิวด้วยการต้มในน้ำเดือด เพื่อป้องกันการติดเชื้อ

     วิธีกดสิว คือ สังเกตแนวเส้นขน ชี้ไปทางไหน รูท่อก็ขนานเส้นขนข้างในเปิดออกทางนั้น ในเมื่อเราต้องการ ให้กะเปาะของเหลวที่อุดอู้อยู่ภายใน ผ่านพ้นรูปิดกั้นออกมา  ก็ใช้กลไกช่วยดันให้มันไหลขึ้นมาตามแนวทางที่ควรจะเป็น ลองคิดว่าหากกดไปทางอื่นหรือกดตรงกระเปาะลงไป กะเปาะก็แตก นั่นคืออันตราย  เพราะเมื่อแตกกระจาย ไขมันก็ไหลออกมาสู่เนื้อเยื่อรอบๆ ก่อความระคายเคืองอักเสบลุกลาม  ดังนั้นหากกดผิดท่าจึงเป็นอันตราย

     จับที่กดสิวไว้ระหว่างนิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้ขณะออกแรงกด ใช้แรงพอสมควร หากไม่ออกก็เก็บไว้ก่อน อย่าบีบเค้น สะกิดเจาะเป็นอันขาด  ให้ทายาสลายคอมิโดนต่อไป  

 

7ป้องกันการอุดตัน  -  VA

  การอุดตันเป็นที่มาของสิวอักเสบ เมื่ออุดตันหมด แล้ว ควรใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันการอุดตัน คือ VA มีคุณสมบัติ ช่วยขยายท่อทางออกของสิว VA จะละลายไขมันที่อุดตันรูขุมขน ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการเกิดสิว ท่อต่อมไขมันขยาย ทำให้หัวสิว (comedone) หลวมหลุดออกง่ายขึ้น VA จะเหมาะกับผู้มีผิวหน้ามันมากและมักไม่พบอาการระคายเคืองข้างเคียง หากผิวปกติออกขุยง่ายควรใช้ N.CPC ซึ่งมี Retinol ก่อระคายเคืองน้อยกว่า VA

   ผิวหน้ามันควรป้องกันการอุดตันด้วยสารลดการทำงานของต่อมไขมัน (Nerrish AL / MMC Oil Control Gel)

     ผลพลอยได้อีกประการหนึ่งของ VA คือทำให้ผิวบางระเรื่อ  เพราะเร่งผลัดผิวชั้นขี้ไคลออกไป ทำให้เซลล์ไฟโบรบาสต์ (Fibroblast) ของผิวหนังแข็งแรง  เร่งทำงานแข็งขัน โดยเซลล์ Fibroblast  นี้ เป็นเซลล์แม่ของผิวหนังในการสร้าง Collagen elastin และกรด Hyaluronic ให้ผิวอ่อนนุ่มแข็งแรง การใช้ VA ในระยะยาวจึงทำให้ผิวแข็งแรง  ยืดหยุ่นดี  ไม่มีไฝฝ้าเกิดขึ้น  โดยต้องทากันแดดควบคู่  ตอนกลางวันทุกวัน

 

8. ป้องกันสิวถาวร

     งดดื่มนมที่มีฮอร์โมนเร่งโต มีปฏิชีวนะปนเปื้อน งดน้ำอัดลม ของหวานมากไป น้ำตาลจะไปลดประสิทธิภาพภูมิคุ้มกัน งดของทอด ของมัน เพราะเสริมการเกิดสิวอุดตัน ทานน้ำมันปลาเพื่อสร้างเซลล์ท่อไขมันที่ไม่อุดตัน Zn + Bettacan เพิ่มภูมิต้านทานเชื้อโรค BTS ขจัดพิษจากอาหารประจำวัน หากฮอร์โมน เมนส์ไม่ปกติ สิวเห่อควรเพิ่มสารสกัดจากถั่วเหลืองซึ่งมีไอโซฟลาโวน ไฟโตเอสโตรเจนจากพืช

 

สิวจากครีมสเตียรอยด์

     มีลักษณะคล้ายสิวอุดตันหัวขาว  เม็ดนูนขนาดเล็ก เป็นไตขาวๆ แข็งๆ อยู่เป็นกลุ่มๆ มักจากแนวแก้มถึงคาง แต่ก็อาจมีลักษณะเป็นสิวอักเสบตุ่มแดง ตุ่มหนองได้ มักมีลักษณะจำเพาะคือ ขึ้นติดกันเป็นกลุ่มๆ ทุกเม็ดจะมีลักษณะเดียวกัน

     เกิดจากการใช้ครีมสเตียรอยด์หรือเครื่องสำอางที่แอบผสมสเตียรอยด์ เป็นเวลานาน ซึ่งปัจจุบันมีขายทั่วไปโดยโฆษณาว่าเป็นครีมหน้าขาว ครีมหน้าใส ส่วนใหญ่จะทำให้หน้าขาวขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อหยุดใช้ครีม จะเกิดสิวสเตียรอยด์ขึ้น

     วิธีแก้ไข คือ ต้องหยุดใช้ครีมที่ผสมสเตียรอยด์ ทา VA อย่างสม่ำเสมอ

ผลิตภัณฑ์รักษาสิวอุดตันหมอมวลชน | MMC


EasyCookieInfo